top of page

01 : เมื่อความจริงนั้นถูกซุกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง /
อ. อรรถพล อนันตวรสกุล

ไม่ว่าจะเป็น A Nowhere Place หรือ A Now-Here Place งานที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า ที่ไม่มีที่ ของกลุ่มละครอนัตตา ก็นับว่า มีที่อยู่ที่ยืนในความทรงจำของแวดวงละคร ปี ๒๕๕๙ นี้อย่างแน่นอน ทั้งด้วยคุณภาพของผลงาน และการยึดโยงกับความทรงจำในวาระ ๔๐ ปี ของเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

ละครเล่นกับ ๒ ประเด็นหลัก คือ การดำรงอยู่ด้วยภาวะหลอน ที่มีทั้งภาพจริง/ไม่จริงปรากฎหวนกลับมาในภาวะรับรู้ของตัวละคร และภาวะลืมๆ เลือนๆ จดจำได้แบบไม่ปะติดปะต่อ ซึ่งทั้งสองอาการคืออาการของสังคมไทยนี่แหละที่มีต่อเหตุการณ์ ๖ ตุลา

ชอบบทเพลง ๒-๓ เพลงที่เลือกนำมาใช้ส่งเสริมเรื่องราวมากๆ นึกถึงสมัยไปค่ายล้อมวงรอบกองไฟ ร้องบทเพลงเหล่านี้ และแอบนั่งคุยเรื่องขบวนการนักศึกษาในช่วงสมัยนััน ไม่ว่าจะเป็นเพลงเพื่อมวลชน นกสีเหลือง หรือพิราบขาวคืนถิ่น ทั้งหมดคือเสียงแห่งความทรงจำที่ผู้คนรุ่นหลังแทบจะไม่รู้จัก และสำหรับคนรุ่นผม ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ยินมานานมาก

ละครนวลเนียนด้วยการแสดง แนวทางการกำกับ งานเทคนิค และการบรรเลงดนตรีสดที่เสริมส่งบทละคร โดยใช้สไตล์เหนือจริง และไม่ปล่อยให้ผู้ชมดิ่งดำอยู่กับตัวเรื่องและภาวะของตัวละคร โดยใช้การขัดด้วยข้อมูลเฉพาะเรื่อง ดึงเราออกจากละครให้ได้พักเป็นระยะๆ กระทั่งฉากส่งท้าย ก็พาเรากลับออกสู่โลกนอกโรงละครด้วยงานด้านภาพ แสง และเสียงที่ปลอบประโลมเราอย่างที่สุด หลังการเดินทางสู่ห้วงคำนึงของสองตัวละครที่หนักหน่วงไม่น้อย

งานแอคติ้งระดับของกำนัลให้ผู้ชม ของพี่ตั้ว และน้องเพียว นั้นข้นคลั่กอยู่ภายใน แสดงออกแต่น้อย แต่มีจังหวะจะโคนที่ค่อยๆ ปล่อย ค่อยๆ มา พาเราเดินทางไปพร้อมตัวละครย้อนเวลาไปสู่ภาพหลอนและความทรงจำ สนามฟุตบอลที่ มธ.ท่าพระจันทร์ หญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยมและไม้ท่อนนั้น กระสุนปืนนัดนั้น ฯลฯ

สำหรับผู้ชมรุ่นผมที่อ่าน ฟัง ศึกษาเรื่องราวเหตุการณ์เดือนตุลา กันมา ละครเรื่องนี้ทำงานกับผมเต็มที่มาก แต่ก็ยังมีคำถามในใจว่า ถ้าเป็นคนรุ่น ๖ ตุลา ๑๙ มาดูจริงๆ พวกเขาจะรับรู้ และร่วมรู้สึกกับมันมากมายเพียงไหนกันนะ ทุกวันนี้ พวกเขาจัดการกับภาพหลอน และอยู่กับความทรงจำที่พร่าเลือนบ้าง แจ่มชัดบ้างเช่นนั้นได้อย่างไร และเมื่อมาเห็นภาพแทนนั้นในละครแม้จะแค่คำบอกเล่าจากปากของตัวละคร พวกเขาจะเผชิญกับมันอย่างไร

และสำหรับคนรุ่นหลังจากนั้นที่ไม่ได้รับรู้ ไม่เคยอ่าน ไม่ได้จูนตัวเองกับเรื่องราวอันโหดร้ายแสนเศร้านี้มาก่อนชมละครเลย พวกเขาจะปะติดปะต่อสิ่งที่ละครเรื่องนี้ออกแบบมาในรูปร่างหน้าตาแบบไหนกัน

ที่สำคัญ คำถามหนึ่งที่เวียนวนอยู่ตลอดหลังเดินออกจากโรงละคร คือ อีก ๑๐ ปี ๒๐ ปีข้างหน้า สังคมไทยจะยังอยู่กับภาพหลอนและความเลอะเลือน ว่าด้วย ๖ ตุลา ๑๙ อีกต่อไปหรือเปล่า เมื่อความจริงนั้นถูกซุกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีที่ให้คนทั่วไปได้รับรู้ เมื่อไหร่กันที่เราจะเยียวยาผู้คนจำนวนมากของสังคมให้ผ่านพ้นอาการหลอนจิตเภทและคืนความทรงจำกลับมา หรือเราต้องยอมรับว่าทั้งหมดนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่เลือนหายและไม่อาจหวนคืนของสังคมอัลไซเมอร์ อย่างสังคมไทยนี้กันจริงๆ

เจ้าเหิร ไปสู่ ดวงดาว

เมฆขาว ถามเจ้า คือใคร

อาบปีก ด้วยแสง ตะวัน

เจ้าฝัน ถึงโลก สีใด

..จงบิน ไปเถิด คนกล้า

ความฝัน สูงค่า กว่าใด

เจ้าบิน ไปจาก รวงรัง

ข้างหลัง เขายัง อาลัย

(นกสีเหลือง โดย คาราวาน)

14524454_10202126258035108_1766827778292565796_o_edited.jpg

02 : We don't know where they are / Amitha Amranand

We don't know where they are, a man and a woman, he in a white three-piece suit, she in a white wedding gown. Soon we find out that they don't know where they are either. Then we find out who they are,...

14570331_10210742977080082_2646038514789286932_n_edited.jpg

03 : Feedback from viewers / Facebook


Surachai Petsangrot
September 23 at 10:02am ·
"ที่ ไม่มี ที่" โดย กลุ่ม อนัตตา
ความรู้สึกสั้น ๆ : น้อยๆ แต่ได้มาก (แบบมากๆ) มุมมองการเล่าต่อเหตุการณ์แบบผู้ใหญ่ ไม่ชี้นำแต่ชี้ชวนให้คิด, ชวนให้รู้สึก เป็นงานที่สมบูรณ์มาก พิสูจน์แล้วว่า ถ้าบท, โครงสร้างของงาน, และนักแสดง ครบ คือจบ รู้สึกโชคดีมากที่ได้ดูทั้งสองนักแสดง แสดงบนเวทีแบบใกล้ชิดขนาดนี้ ทึ่งในสเน่ห์มากจริงๆ ซื้อบัตร 500 กลับออกมาอยากจ่ายเพิ่ม อีกสัก 1,000 บาท ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ความรู้สึกยาวๆ : จริงๆตอนเข้าไปดูไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เห็นมีเปียโนหลังหนึ่ง กับเซ็ทที่ซิมเปิ้ลมากๆ (เก้าอี้สองตัววางเป็น installation set) ก็คิดว่าจะมานั่งฟังเพลงเพราะๆ ก็น่าจะพอ


แต่ ละครนำพาไปสู่ห้วงของความคิดได้อย่างท้าทายและเป็นธรรมชาติมากๆ เปิดด้วย ชื่อ "ที่ไม่มีที่" (ในใจก็คิดว่า "คืออะไรวะ" แต่ไม่ได้สนใจ) ภาษาอังกฤษคือ A Nowhere Place พอมาเป็นชี่อภาษาอังกฤษ ต่อมความคิดก็ทำงานทันที ว่าเอ๊ะ มีสองความหมายหนิ ทั้ง A No where Place และ A Now here Place

ผมขอเรียกว่ามันเป็น การแสดงแบบ Semi - absurd ผสมมัลติมีเดีย Text แล้วกัน แต่เป็นการผสมที่ลงตัวมาก มันทำให้เห็น ไดเร็กชั่น ที่น่าสนใจระหว่าง นักแสดง , ข้อมูลที่ได้อ่าน และความรู้สึกของคนดูที่เล่นไปพร้อมๆ กัน

-มันเป็นความสนุกของการได้อยู่ในที่ ๆ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันทับซ้อนกันไปหมดระหว่างข้อมูล และความรู้สึก จนสุดท้่าย มันก็กลายเป็นว่า เราเลือกที่จะจำอะไร
-ละครท้าทายให้อินเข้าไปโดยที่ ไม่บีบบังคับคนดู และไม่หลุดเลยตลอดการแสดง
-บทฉลาดมาก บท และไดเร็คชั่น ทำงานสอดคล้องเพื่อส่งผลต่อคนดูรับลูกกันเป็นอย่างดีเยี่ยม
-ทำให้เห็นความป่วยไข้ ของ ที่ ที่เราอยู่ ความทับซ้อน, ความเหลือเชื่อ, ความรู้สึก, และ Fact ซึ่งพูดถึง ที่ ที่เราอยู่จริงๆ ได้อย่างชวนตั้งคำถาม และกระตุกต่อมคิด และรู้สึกรับรู้ถึงมัน แต่ ก็เศร้าที่มันเป็นอย่างนั้นอยู่อย่างนั้น
-เรื่องในละครดู ดิลยาก ดูไม่น่าเชื่อ ดูทับซ้อน ดูต้องใช้ชุดความคิดไหนในการที่เราจะดิล จนหลุดซึ่งกรอบของเหตุผลทั้งหมด แล้วย้อนกลับมา ที่ ที่เราอยู่จริงๆ แม่ง ดิลยากกว่า อีก เอาจริงๆตอนนี้เห็นที่ๆ เราอยู่เป็นเหมือน คนแก่ ขี้ลืม ที่ป่วยไข้ และรอวันตายจากไปก็เท่านั้นเอง


Parnrut Kritchanchai
September 29 at 11:11pm · Bangkok ·
"ที่ ไม่มีที่" A Nowhere Place
ชายหนุ่มคล้ายวิญญาณคุณชายใหญ่ในแต่ปางก่อนคุยกับเจ้าสาวปริศนาสวยลืม (ลืมจริงๆ)
ทำให้เห็นว่า...มีทางพูดอีกหนึ่งหรือหลายๆทางในที่ที่นี้ ที่ที่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน...แหมแต่ก็รู้นะ
#ก็สวยเก่ง
Text และท่าทีที่แสดงออกมาในผลงานหรือท่ามองคนในชีวิตประจำวันมีอีกหลายแบบ ไม่ชั่ววูบก็พูดได้ ไม่ยัดเยียดความเกลียดชังก็พากลับไประลึกถึงเหตุการณ์นั้นได้ ไม่ต้องทำโกรธประชดใส่มวลดาร์คของตัวเองให้ไปฆ่าแกงใครก็ยังเป็นบทเรียนได้
งานน้อยชิ้น พูดตรงๆแบบอ้อมๆ เหมือนผู้ใหญ่พูด คือเหมือนสอน แต่ก็ให้กลับขึ้นห้องไปคิดเอาเองด้วย ล็อคห้องคิดได้อีกหลายคืน แม่มาเคาะห้องเรียกกินข้าว ยังไม่อยากออกมาอ่ะคิดดูมีสวย มีนุ่มนวล มีจิ๋ม มีตลกด้วย มุกที่แม้แต่อีธายังอาย ถึงโทนทั้งเรื่องจะดูขรึมๆ แต่บอกเลยว่ามีฮา ถึงขั้นควรมีซาวด์ตึ่งโป๊ะกันเลยทีเดียว ผสมเข้าไปยังไง จับตาดูให้ดี มีเฮ...กราบคำในบท กราบไฟ กราบนักแสดง

Sineenadh Keitprapai
September 29 at 11:34am ·
ที่ ไม่มีที่...
ละครแบบน้อยๆนิ่งๆ ที่กระทบใจอย่างแรง
มีแค่ตัวละครสองตัว ที่สวย หล่อ ในโลกฝัน ที่ความจำเสื่อมและป่วย
กับบทสนทนาที่ไม่ปะติดปะต่อ แต่เราเข้าใจได้ และจะเข้าใจมากขึ้นและกระทบใจอย่างแรงถ้ารู้บริบทของเหตุการณ์ 6 ตค. 2519
กับตัวละครที่ไม่ปรากฏ ช่างแรงนัก นั่นคือ จิ๋ม
นึกถึงภาพถ่ายสไลด์ขาวดำที่เคยเห็น(เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว)ซึ่งเป็นภาพจากเหตุการณ์ เป็นร่างผู้หญิงที่เสียชีวิตแล้วคนหนึ่ง นอนเปลือยกายทั้งตัว และมีไม้เปื้อนเลือดวางอยู่ข้างๆ และมารู้จากคำบอกเล่าจากพี่ๆตุลาว่าเคสนี้เกิดเหตุที่ข้างวัด
ทุกคนล้วนแล้วแต่สูญเสีย และมีบาดแผล
ในส่วนการแสดง ที่นิ่งน้อยแต่มีพลัง และตัดอารมณ์เป็นช่วงๆกลับทำให้กดความรู้สึกและกระตุ้นความคิดมากขึ้น จะไม่แปลกใจถ้าบางคนจะร้องไห้ และก็จะไม่แปลกใจที่บางคนก็ร้องไห้ไม่ออก แต่หนักอึ้งไปทั้งใจ
ใครเรียนแอคติ้งพวกสไตล์อยู่ อยากแนะนำให้ไปดูการแสดงที่เป็นงานสไตล์ที่แสดงโดยนักแสดงที่มีทักษะการแสดงสูง และการออกแบบที่น้อยแต่สวย ชอบแสงเรื่องนี้มาก

Greek Piroonluk with Greeze Nuttapiroon Jamamporn.
30 sept. 2016 at 9:05am · Bangkok ·
ประตูเปิด "เพื่อมวลชน" ก็ดังขึ้น
เป็นเสียงเปียโนจากพี่ชายคนเก่ง Sopanut Rerksamut
หัวใจสั่น สั่นจริงๆ สั่นแบบตึกตึกตึก
ทั้งๆที่เห็นแค่ห้องโล่ง กับเก้าอี้เพียง 2 ตัว
ในใจคิดว่า "โดนเข้าให้แล้วแน่ๆ"
ประโยคแรกออกจากปากของเจ้าสาวชุดขาวสวย
นักแสดงขั้นเทพอย่างพี่เพียว Duangjai Phiao Hiransri ที่เป็นทั้งแม่
ทั้งครู ทั้งทุกอย่างของหนู
น้ำตาไหลลงมาเลย ไหลลงมาแบบห้ามไม่ได้ กอดกับพี่กรีซแน่น จับแขนกันไว้แบบนั้นแล้วก็ปาดน้ำตาไปด้วยกัน รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง จำไม่ได้แล้วว่าลืมหายใจไปบ้างหรือเปล่า รู้แต่ว่าเรื่องนี้มันมีพลังถึงขั้นนั้นเลยนะ มองหน้าพี่กรีซ ส่ายหัวไปด้วยกัน แล้วก็พยายามหาทางกลับมา เขากำลังเล่นกับสภาวะเราอย่างหนักเชียวล่ะ ไม่มั้ง เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้
ตอนอยู่หน้าโรงละคร นี่แค่แอบคิดว่าจะร้องไหม
ถามพี่หลินKamonsri Likhitprakairung พี่หลินบอกว่าไม่ร้องหรอก แค่จุกๆ
เรื่องนี้เบาๆ ตลกๆ
ตอนดูอยู่ นี่คิดในหัวเลยคำเดียวว่า
"หลอกหนูทำไม หนูไม่ได้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามา"
หลังจากน่ำตาก็ตามมาด้วยน้ำมูก อึดอัดมาก ร้องไห้เสียงดังไม่ได้ สูดขี้มูกก็ไม่ได้ ห้องเงียบมาก
ทุกประโยคดีหมด สำคัญหมด ถ้าเสียงดังกลัวจะพลาดอะไรไป ก็กลั้นเอาไว้อย่างนั้น ไม่ไหวจริงๆก็ฟุบหน้าลงกับมือแล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆในฝ่ามือเย็นๆทั้งสองข้าง หัวใจสั่นเหมือนจะพังอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขามีมุกตลกด้วย ตลกไหมไม่รู้แต่ว่าหนูหัวเราะไปน้ำตาก็ไหลไปด้วย คิดต่อไปอีกว่า
นี่เราตลกมากไหม ขำไหม ขำจริงๆหรอ แล้วตอนนั้นคนเขาหัวเราะอะไรกันนะ ละครจบหนูยังไม่หยุดร้องไห้เลย ทำน้อยได้มากของแท้เป็นแบบนี้จริงๆสินะ
ก็นั่นแหละ ฝีมือลุงตั้วจริงๆTua Pradit Prasartthong พลังไม่เคยหายไป
ไฟไม่เคยเบาลง ไม่มีทีท่าว่าจะดับ หนูไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอัลไซเมอร์ไหม หรือจะกลายเป็นโรคจิตในสายตาใครหรือเปล่า แต่หนูคงจำละครเรื่องนี้ไปอีกหลายสิบวัน หรืออาจจะเป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปี
ก็ไม่รู้ แต่หนูไม่กลัวเลย ศิลปะของลุงชิ้นนี้หนูขอยกขึ้นเป็นกำลัง และเป็นไฟที่จุดให้หนูได้ทำหน้าที่ของคนที่ยังอยู่ต่อไป
หนูจะพับนกกระดาษต่อให้เอง

Thunska Poon
30 Sept. 2016
เราห่างจากการเขียนถึงหนังหรือละครมาสักพัก แต่หลังจากดูเรื่องนี้จบ (ต่อด้วยการแวะไปดริงค์เม้าท์มอยกับเพื่อนเนื่องในวันศุกร์แห่งชาติ) กว่าจะถึงบ้านก้อมีความเกือบจะตีสอง แม้จะด้วยความง่วง หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มลงไป ก้อไม่อาจทำลายสิ่งที่อวลอยู่ใน #ที่ไม่มีที่ เรื่องนี้ได้ ฉันอยู่ที่ไหน? ฉันมาจากไหน? ฉันกำลังจะไปไหน? ที่นี่ที่ไหน? ฉันจะอยู่ฝั่งไหน? ยังคงเป็นคำถามที่ลอยวนอยู่อย่างต่อเนื่องจาก / มังกรสลัดเกล็ด ขณะที่เรื่องนั้นสร้างตัวตนของบุคคลจริงด้วยหลายต่อหลายฉากที่คาใจว่า คนอย่างป๋วยจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อย่างในละคร จริงหรือ ซึ่งก้อขึ้นอยู่กับว่าความจริงนั้นออกมาจากปากใครเล่า และแต่ละคนรู้จักป๋วยในมุมไหน / แต่ ที่ไม่มีที่ สร้างตัวละครตัว(หรือสองตัว) ขึ้นมาอย่างหลวมๆจากฝีมือนักแสดงสองคน ที่แสดงเป็นคนที่ไม่รู้ว่าความจำเสื่อม หรือตาย หรือบ้าหลังจากผ่านกระบวนการรักษาที่ทำให้...ยิ่งบ้า เล่าในสิ่งที่ฟังดูเสียสติ เกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกฆ่า เพราะถูกคนอีกกลุ่มหนึ่งโกรธ แต่เขาโกรธเรื่องอะไร แล้วความเห็นต่างสามารถฆ่าคนได้ด้วยหรือ!? / ตกลงแล้วมัน ปี35หรือ53กันแน่นะ? / อีจิ๋มนมใหญ่คือตัวละครสมมติถึงบุคคลคนหนึ่งที่เราไม่เคยรู้เลยว่า ความจริงเธอคือใคร แต่เธอเคยมีตัวตนอยู่จริง และเธอเคยถูกทำเช่นนั้นจริงๆ เราทึ่งที่ตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นมา คนคนนี้ที่เราไม่เคยรู้เลยว่าเธอคือใคร? แต่เราเคยเห็นภาพ เราเคยได้ยินเรื่องเล่าต่อๆกันมา...ของเธอ แต่เราไม่เคยรู้จักเธอ...เลยสักนิด / ขณะที่วีรชน'ชาย'หลายต่อหลายคนถูกขุดคุ้ยประวัติมายกย่อง มีป้ายชื่อ ชื่อห้องให้รุ่นน้องรุ่นหลังได้พอจะจดจำได้ / แต่ อีจิ๋มนมใหญ่ ไม่เคยมีที่ของตัวเอง น้ำตาไหลเมื่อละครนี้น่าจะเป็นเรื่องแรกที่เล่าเรื่องของเธอคนนี้ ไม่ว่าเรื่องที่เล่าจะจริงหรือไม่จริงถูกปั้นแต่งขึ้นมาอย่างไร เธออาจจะขื่อจิ๋ม หรือชื่อชิซูกะ หรือซาดาโกะก็แล้วแต่ / แต่ครั้งหนึ่ง เคยมีเธอคนนี้ถูกลิ่มทิ่มตาย เคยมีอยู่จริง ด้วยความชิงชังที่ไม่รู้ว่าอะไรที่ปลุกให้คนเหล่านั้นโกรธจนสามารถฆ่า จิ๋ม อย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองใหญ่ได้/เรื่องระยำกว่านั้นคือ ทุกวันนี้ยังมีอีกหลายจิ๋มที่ยังคงวนเวียนถูกกระทำซ้ำๆแล้วถูกทำเป็นลืมไปอย่างนั้นอีกหลายๆจิ๋ม

Pasakorn Intoo
30 Sept. 2016
ก่อนจะดูละครเรื่องนี้ ได้มีโอกาสอ่านบทละครก่อนในฐานะคนแปลบทและคำบรรยาย ขณะที่แปล บางบทบางตอนทำให้เกิดความรู้สึกสะท้อนใจจนน้ำตาไหล แต่เมื่อได้มานั่งดูละครที่ไม่ได้มีเพียงตัวบท แต่มีตัวละครออกมาโลดแล่น และมีเสียงดนตรีที่แม้จะไม่มีบทเพลง แต่เนื้อเพลงเหล่านั้นก้องกังวานอยู่ในสำนึกของเราตลอดเวลา ความรู้สึกดังว่าก็ยิ่งท่วมท้น
ในวันที่ 6 ตุลา 19 เราอายุไม่กี่ขวบ เราไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยและอยู่ร่วมในกิจกรรมทางสังคมและขบวนการนักศึกษา เราจึงได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านการอ่าน การพูดคุย และการเรียนประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยของเรา เพลงมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมความคิดและความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ทางสังคมและการเมือง เราคิดว่าเราไม่ได้เรียกเพลงเหล่านั้นว่าเพลงเพื่อชีวิต เพราะเพลงส่วนใหญ่ที่เราร้องกันคือเพลงจากวงดนตรีของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆที่เติบโตระหว่าง 14 ตุลา 16 ถึง 6 ตุลา 19 ไม่ว่าจะเป็น สตริง อมธ. นฤคหิต ประกายไฟ กรรมาชน ฯลฯ
ละครเรื่องนี้นำเพลงบางเพลงจากช่วงเวลานี้มาใช้ เป็นเพลงที่ใช้นกพิราบในฐานะสันติภาพและประชาธิปไตย หนึ่งในเพลงนั้นคือ "พิราบขาวคืนถิ่น" เป็นเพลงที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา เนื้อเพลงว่าด้วยความหวังที่จะกลับมาต่อสู้กับความอยุติธรรมหลังจากที่ถูกกักขัง และแม้ว่าละครเรื่องนี้จะใช้เพียงดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้อง แต่บทเพลงยังก้องอยู่ในสำนึกของเราตลอดเวลา "เมื่อพิราบนั้นยังถูกขังอยู่ แม้เสียงกู่จะดูแลก็แค่ฝัน แต่หัวใจคงแน่นหนักว่าสักวัน นกพิราบจะถลันออกจากกรง และแล้ววันนั้นคือวันนี้ เกินกำลังกั้นเสรีที่สูงส่ง กรอบกรงขังความชั่วร้ายทะลายลง นกพิราบทั้งกรงเริ่มโบยบิน ประกาศสู้อยุติธรรมที่งำโลก สู้โสโครกสู้ความโกรธที่โหดหิน เสียงขานรับเริ่มหนักแน่นทั้งแผ่นดิน พิราบขาวจะโบยบินประกาศชัย พิราบขาวเจ้าบินมาสู้ สู้เพื่อสิทธิ์เสรี กลับมาในครานี้ไม่มีคำว่าสิ้นหวัง..." เพลงนี้เริ่มด้วยบทพูด จากนั้นจะเป็นทำนองค่อนข้างมีจังหวะเร็วและคึกคัก เมื่อครั้งที่เราและเพื่อนนักศึกษาร่วมกันร้องเพลงนี้ ความรู้สึกที่มี ณ ขณะนั้นคือความฮึกเหิมและมีความหวังว่าเราในฐานะนักกิจกรรมนักศึกษาจะเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความเท่าเทียม แต่ละครเรื่องนี้เลือกที่จะเล่นเพลงนี้ด้วยความเนิบช้า เรื่อยเอื่อย ที่แม้ว่าทำนองจะไม่เปลี่ยนไปแต่การเลือกที่จะเล่นเพลงนี้ในแบบนี้ได้ทำให้เรารู้สึกจุกเข้าไปในอก เพราะราวกับว่าละครเรื่องนี้บอกเราว่าสิ่งที่เคยเป็นความหวังอันเรืองรองนั้น ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว นกพิราบในเพลงเดิมบินกลับมาด้วยความหวังถึงชัยชนะ แต่นกพิราบในวันนี้บินกลับมาด้วยความพ่ายแพ้ ไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง ที่ยังคงไม่สามารถลบเลือนบาดแผลจากความทรงจำที่เลวร้าย และไม่สามารถมีชีวิตที่ "ปกติ" ได้อีกต่อไป
แต่ถึงแม้ละครจะพูดกับเราถึงความสิ้นหวัง แต่เรากลับไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังแต่อย่างใด แม้เราจะร้องไห้จนแม้กระทั่งขณะเขียนข้อความนี้ แต่มันดูจะเป็นการร้องไห้เพื่อชำระล้างบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไป เพราะแม้ว่าเราจะไม่ใช่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา แต่เราทุกคนก็คือคนที่อยู่ในสังคมที่ผลิตเหตุการณ์ 6 ตุลา ขึ้นมา

Spy Pasakorn Rungrueangdechaphat
1 Oct, 2016
Absurd เบาๆ แบบไม่ต้องไปเข้าใจอะไรมาก แต่มันเต็มไปด้วยช่องว่างให้เราคิดเต็มไปหมด เห็นถึงความรู้สึกเจ็บลึกๆ ของคนที่ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลา มา เหมาะสมจริงๆ ที่จะนำมาแสดงในวาระ 40 ปี ที่เราไม่ต้องมานั่งเล่าละ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เพียงต้องการสะท้อนให้เห็นถึงผลพวงทางความรู้สึกที่ยากเกินจะลบได้ และกับคนรุ่นหลังอย่างเรา ละครเรื่องนี้ก็ช่วยกระตุกต่อมกระสันใคร่รู้ ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่นี้ก็มีคุณค่าเพียงพอต่อละครเวทียาว 1 ชม. ซักเรื่องแล้ว พูดถึงสไตล์การนำเสนอ และกำกับ ก็เก๋ไก๋ตามสไตล์พี่ตั้ว ทลายหลายๆกฎเกณฑ์อย่างเฉียบคม ต้องไปดูกันเอาเองครับ
พี่ตั้ว พี่เพียว คือ มวยคู่เอก ที่ดูแล้วสนุก และกินกันไม่ลงจริงๆ พี่เพียวสวยวัยตายควายล้ม!!! อุแม่จ้าวว

Khwan Peera
1 Oct. 2016
ชอบการเอาองค์ประกอบของภาวะจิตเวชมาสะท้อนความป่วยไข้ของสังคมผ่านตัวละครในเรื่อง การเล่าเรื่องขาดๆ หายๆ ไม่ปะติดปะต่อแต่พอเข้าใจว่าหมายถึงอะไร รวมถึงการชี้ให้เห็นว่าตกลงพวกเราจะไปกันแบบนี้จริงๆ เหรอ คืออดีตยังไม่ได้ชำระ ปัจจุบันยืนอยู่บนทางม้าลาย (จริงๆ ไม่รู้ยืนอยู่ที่ไหน เหมือนภาพล่าสุดมันตัดมาที่ทางม้าลาย) แล้วก็อนาคตหรืออีกฟากฝั่งคืออะไร

คือมันงง มันเบลอไปหมด แอ็คติ้งของพี่ตั้วกับพี่เพียวเหมือนจะบอกสภาวะตัวละครว่ากำลังละเมออยู่ในความฝันจับต้นชนปลายไม่ได้ เหตุการณ์และผู้คนในวันนั้นจำได้บ้าง ลืมบ้าง คือแบ่บแม่งอะไรก็ไม่รู้อะ จะพับนกนกก็กระดำกระด่าง จะพูดอะไรก็ตะกุกตะกัก

โคตรเป็น "สังคมที่ไม่อนุญาตให้ความจริงได้พูด" มันเจ็บลึกๆ เสียดเล็กๆ ตลอดการชม คือโคตรป่วยไข้ โคตรมีความจิตเภท ที่คนจะฆ่ากันเพราะสาเหตุที่แสนจะแอบเสิร์ด แล้วที่น่ากลัวคือความป่วยไข้นี้ยังคงหลอกหลอนสังคมไทยอยู่อย่างต่อเนื่อง
เอาว่า ก่อนที่จะรักษานะ ยอมรับว่าป่วยจริงๆ ให้ได้ก่อนเถอะน่า แล้วจะกินยาหรือช็อตไฟฟ้าก็จะไม่ว่าเลย
สรุป เหมือนละคร "ที่ไม่มีที่" กำลังถามว่า "สังคมนี้พร้อมยอมรับว่าตัวเองป่วยไข้" ได้รึยัง

Watcharaphong Got Soongpankhao
1 Oct. 2016
ละครเวที #ที่ไม่มีที่ A Nowhere Place ของกลุ่มละครอนัตตา ทำให้เรากลับมาถามตัวเอง (เหมือนทุกๆครั้งหลังดูละครทุกเรื่องของลุงตั้วจบลง) ว่า ความจริงที่เรารู้ กับความจริงที่คนอื่นรู้ คือ ความจริงเดียวกันหรือไม่? และ เรากล้าพอไหม ที่จะศรัทธากับความเชื่อนั้นอย่างไม่เคลือบแคลง..
ละครของ ประดิษฐ ประสาททอง ซ่อนกิมมิคบางอย่างให้คนดูกลับไปตั้งคำถามต่อได้เสมอ และแน่นอน ทุกคำถามก็ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ร่วม มโนทัศน์ และ อคติที่เราทุกคนมีอยู่ในใจ
ผมเกือบลืมไปแล้ว ว่านกพิราบของผม เป็นนกจริงๆ หรือนกกระดาษ และถ้ามันเป็นนกกระดาษ มันถูกพับด้วยกระดาษขาว หรือ กระดาษหนังสือพิมพ์ .. ถ้าเสรีภาพของผมเป็นแค่นกกระดาษที่ลายพร้อยไปด้วยตัวหนังสือและภาพข่าวคนตายล่ะ? มันจะถูกเรียกว่า #เสรีภาพ โดยชอบธรรมอยู่หรือเปล่า?
ไปดูเถอะครับ #ที่ไม่มีที่ จะดู Cast ดูบท ดูฉาก ดูเทคนิค ดูอะไรก็คุ้ม หรือแค่ได้ตั้งคำถามกับตัวเองสักข้อ ก็คุ้ม..

ลาภิน เหล่าสุนทร
1 Oct. 2016
ชอบมากกกกกกกก
แค่พี่เพียวหันมาช็อตแรก ผมก็ตายแล้ว
องค์ประกอบสวยมากถึงคลั่งไคล้
ไดเร็กชั่นขั้นเทพ
แอ็คติ้งระดับขั้นบูชา
ไม่ได้อวยนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วชอบดู style นี้
ชอบบท ชอบภาวะของตัวละคร
มันดูลงตัวไปหมด
อยากดูอีกสักครั้ง แต่ละครอื่นก็ยังตามเก็บไม่หมด
ส่วนเนื้อเรื่อง ผมก็ชอบมาก เราอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด เพราะเราก็ไม่มีข้อมูลแม่นพอที่จะเข้าใจในเหตุการณ์นั้น แต่มันก็มีบางฉากที่ไม่ต้องรู้เรื่องราวมาก่อนก็สามารถสัมผัสได้ และพาเราไปไกล
อยากให้ทุกคนมาดูครับ

Beatle Thititanaphan 
1 Oct. 2016
วันนี้ไปดูละครเรื่อง 'ที่ไม่มีที่' มาครับ อ้า สองนักแสดงละเลียดแสดงละเมียดละไมจนไม่สามารถละสายตาได้จริงๆ รักเวลาที่เคลื่อนช้าๆ ชัดๆ เปี่ยมพลังงาน ในพื้นที่ที่สังเกตการณ์ได้อย่างแจ่มชัด ฟิน
มันเป็นความลงตัวของงานภาพ บท พื้นที่ การแสดง กระทบใจอยู่หมัด ความแอ๊บเสิร์ดไม่ปะติดปะต่อ ไม่ได้แค่แอ๊บเอาฟอร์ม แต่มีอยู่เพื่อทำงานกับความคิดและใจความของเรื่อง ไม่ได้มาบ่นฟูมฟาย แต่มีความมุ่งหมายอันแยบคาย ละครค่อยๆ มาแบบนิ่มๆ มีเสียงเปียโนตั้งต้นมาให้นิ่มๆ เริ่มการแต่งแบบนิ่มๆ แล้วก็ออกจากโรงไปตายนิ่มๆ
ดีใจที่ได้ดูลุงกับพี่เพียวแสดงแล้วเป็นคนดูจริงๆ พอมาเป็นคนดูอย่างนี้แล้วทำให้เรานึกว่า โอ้โห สุดๆ เจ๋ง งี้ เราได้ร่วมเวทีกับเขามาบ้าง เป็นเกียรติเป็นศรีเป็นนักหนา
ลงท้าย ผมเหยียบกระโปรงเจ้าสาวขาวจั๊วะของพี่เพียวเป็นรอยดำเบาๆ ขออภัยครับ แหะๆ
อย่าพลาดชม

Jaew Nuanlaor
1 Oct. 2016
ที่ ไม่มีที่
นักแสดงสองคนกับบทแน่นๆ การแสดงเน้นๆ ที่สะท้อนเรื่องราวความทรงจำที่เจ็บปวด ผ่านบทสนทนาของเจ้าสาวจิตป่วยกับเจ้าบ่าวความจำเสื่อม ที่ไม่ปะติดปะต่อแต่นี่คือเสน่ห์ในการนำเสนอ
บางสิ่งบางเหตุการณ์เป็นเรื่องที่เราเลี่ยงจะพูดถึงหรือแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ แต่ศิลปินจะมีวิธีสื่อสารในศาตร์แต่ละแขนง พี่ตั้วเองก็ใช้ศิลปะการละครสื่อออกมา พูดออกมาในบทและการแสดงทึ่กระแทกใจคนดู มีเพลง มีละคร มีภาพวาด ที่ยังสะท้อนความทรงจำอันเจ็บปวดในช่วงเวลานั้น
โดยส่วนตัวเฝ้ารอคอยที่จะได้ดูการแสดงของน้องเพียว และติดใจในบทละครของพี่ตั้วอยู่เป็นทุน จึงเป็นความตั้งใจที่จะดู "ที่ ไม่มีที่" อย่างไม่มีข้อแม้(อย่างนี้ถ้าเป็นลิเกคงเรียกแม่ยก..แต่แม่ยกเขาต้องมีพวงมาลัยแบงค์เยอะๆนะคะ)

 

Teranit Jiarapatanakom
OCTOBER 5, 2016

ละครเรื่องนี้จัดแสดงเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ปี2519 (รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆในหลายปีต่อจากนั้น) ละครพูดถึงเหตุการณ์นี้ในอีกมิติหนึ่งซึ่งสังคมเริ่มให้ความสนใจ คือผู้ที่ยังอยู่ได้รับผลกระทบจากความทรงจำในเหตุการณ์นั้นๆอย่างไร
“เขาจะให้ลืมอย่างเดียว เขาไม่ได้ให้ว่าลูกเขาเสียไป จะให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้างหรือเปล่า ทำไมเขาเป็นมนุษย์ที่ใจโหดร้ายอย่างนั้น เราก็ไม่เข้าใจนะหนู” เล็ก วิทยาภรณ์ - มารดาผู้สูญเสียลูกไปในเหตุการณ์ 6 ตุลา สัมภาษณ์โดยบีบีซีไทย
“ผมว่ามันน่าทึ่งมากที่ (ประชาชนที่เขาถาม)ไม่มีใครรู้เลยว่าบุคคลในภาพเป็นใคร ทั้งคนที่ถือเก้าอี้ หรือแม้แต่คนที่ถูกแขวนคออยู่กับต้นไม้ ผมคิดว่ามันบ่งบอกถึงความทรงจำของคนไทยต่อเหตุการณ์นี้” เดวิด ทัคเกอร์ – นักสร้างภาพยนตร์ซึ่งกำลังทำสารคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา สัมภาษณ์โดยบีบีซีไทย
     

คนไทยบางส่วนอาจจะลืมเหตุการณ์นี้จริง อย่างที่พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ กล่าวกับผู้ต้องหาที่ถูกปล่อยตัวหลังเหตุการณ์ว่า "แล้วก็ให้แล้วกันไป ลืมมันเสียเถิดนะ" หนังสือเรียนต่างๆมักข้ามเหตุการณ์นี้หรือถ้าเขียนถึงก็ลดความรุนแรงลง ทว่าคนอีกจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะที่ว่า “ลืมไม่ได้” แต่ก็ “จำไม่ลง”
 

ซึ่งละครเรื่องนี้เลือกสื่อสารผลกระทบที่ว่าในมุมกลับ คือ “จำไม่ได้” แต่ “ลืมไม่ลง”  อาการ “จำไม่ได้” และ “ลืมไม่ลง” เป็นโรคที่เราคุ้นตาในสื่อปัจจุบัน ตัวอย่างของชื่อโรค“จำไม่ได้”ก็เช่น โรคอัลไซเมอร์ ตัวอย่างของโรค“ลืมไม่ลง”ก็เช่น โรคประสาทชนิดหวาดกลัว
   

ละครเลือกนำเสนอประเด็นดังกล่าวด้วยภาพสวยงามที่มักจะเป็นวันที่คู่ชีวิตจดจำ คือวันที่ต่างอยู่ในชุดแต่งงาน และใช้เสียงเปียโนเล่นสด หากไม่คิดอะไรภาพและเสียงล้วนสวยงาม ทว่าเมื่อเรา“ฟัง”ก็จะพบว่าเนื้อหาเจ็บปวดจากการสูญเสีย เพลงที่เล่นอย่างนางนวล พิราบขาวคืนถิ่น เพื่อมวลชน เป็นเพลงที่แสดงจุดยืนของนักศึกษาที่พร้อมพลีชีพเพื่อรับใช้สังคม
       

ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล        
จะขอเป็นนกพิราบขาว เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี        
ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา        
หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย จะถมกายสร้างทางเพื่อมวลชน
   

น่าเสียดายที่สังคมละเลยบทเรียนจากเหตุการณ์ครานั้น จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลอย่างพฤษภาทมิฬ และการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ 

Ornanong Thaisriwong
6 ตุลาคม 2559

ดู ละครเวที "ที่ ไม่มีที่" A Nowhere Place จบแล้วอยากกลับไปคุ้ยหนังสือเรียนสมัยตัวเองอยู่ประถมมัธยมกลับมาดูอีกครั้งว่าเขียนเรื่องปวศ.เดือนตุลาไว้ยังไงบ้างนะ คือจำได้ว่าเรารู้เรื่องหกตุลา สิบสี่ตุลา นี่ก็ตอนเข้ามหาลัยแล้ว ตอนเด็กๆหนังสือเรียนก็เหมือนว่าจะมีนะ แต่ไม่ใช่อะไรที่ทำให้เข้าใจ เป็นอะไรที่คร่าวๆมากๆ อารมณ์เหมือนพูดผ่านๆ คือหนังสือเรียนเด็กถูกวางหลักสูตรโดยรัฐ แล้วเรื่องแบบนี้เป็นอาชญากรรมโดยรัฐ ถ้ารัฐยอมรับความจริงและขอโทษ เท่ากับรัฐยอมรับว่าทำผิด 40 ปีที่ผ่านมาเลยไม่มีการชำระปวศ.อะไรทั้งนั้น เราก็เลยไม่เคยเรียนรู้อะไรกันเลย ไม่รู้ปวศ.ของตัวเอง เราก็เลยไปต่อกันลำบาก วนๆเวียนๆอยู่กับความทุเรศทุรังอย่างรัฐประหารซำ้ไปซ้ำมา ที่ ไม่มีที่ ที่นี่ที่ไหน จะไปต่อได้ไง มาจากไหนยังไม่รู้เลย แม่ไม่ให้เข้าบ้าน พ่อก็บอกเข้ามาๆๆ ตึ่งโป๊ะ ขอบคุณพี่ตั้วค่ะ ปล.พี่เพียวลีลาเป๊ะปัง แสดงถึงวันอาทิตย์นี้

Beatrix Ransibrahmanakul
มาดู ที่ไม่มีที่ ในค่ำวันที่หกตุลา เป็นการคอนเฟิร์มว่าถ้าเราไม่รู้ว่าที่นี่มันที่ไหน
มันก็ยากจะรู้ว่าเราเป็นใครน้ำตาไหลเลยค่ะคุณพี่ Tua Pradit Prasartthong
และ Duangjai Phiao Hiransri
อยู่มาจนจะแก่ตายแล้ว เพิ่งรู้ว่า 'เรา' ไม่มีตัวตน
มาดูกันเถอะ เล่นถึงอาทิตย์ที่ 9 นี้ สถาบันปรีดี ทองหล่อ 

Farida Jiraphan
ที่ไม่มีที่....แด่...
คนที่จากไป...
และ...
คนที่ยังอยู่......
บางทีก้อนึกถามตัวเองว่า ทำไมเราถึงยังอยู่เห็นการจากไป หลายต่อหลายครั้ง ซ้ำๆ ซากๆ
...หรือเพราะไม่รู้จะไปทางไหน
....หรือเพราะจำไม่ได้ว่ามาจากทางไหน
...หรือเพราะเราไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน....แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร........ทำไมเราถึงยังอยู่.....

Sirameth Akkarapakulseth
อาทิตย์ที่แล้วในวันทีฝนตกเทลงมาอย่างหนัก ศิรเมศร์ได้มีโอกาสได้ชมละครเวที ที่ ไม่มีที่ ละครเวทีดูง่ายจากกลุ่มละครอนัตตา การเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง วิธีการนำเสนอดูไม่ธรรมดา นักแสดงทรงพลัง แค่ก้าวเข้าไป พื้นก็เริ่มทำงานกับความรู้สึก เสียงดนตรีหล่อเลี้ยงเราไว้และเรื่องเก่าที่ถูกนำมาเล่าอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เรารู้สึกถึงวัฎจักรที่เกิดขึ้นให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงสิ่งที่ผ่านมา หลายครั้งที่เราถูกดึงออกมาจากเรื่องเพียงเพื่อให้รับรู้ถึงเรืองราวที่เกิดขึ้น หลายครั้งที่เราถูกดึงให้ดำดิ่งสู่ห้วงของความรู้สึก ความทรงจำที่เลือนหายของตัวละครกลับมาเป็นระยะ ประติดประต่อกันเป็นเรื่องราวแห่งอดีตอันโหดร้าย ไปดูกันเถอะ ไม่ไปดูเรื่องก็ไปดูนักแสดง ไม่ดูนักแสดงก็ไปดูวิธีเล่าเรื่อง ไม่อยากให้พลาดกันจริงๆ เล่นถึงวันอาทิตย์นี้เท่านั้น

 

Sukanya Sompiboon
ศาตราจารย์การละครท่านหนึ่งกล่าวว่า
Historians just retell what happened, but poets give shape to their material. So poetry is more philosophical than history.

พี่เห็นเป็นประจักษ์จากการไปชมละครเรื่อง "ที่ไม่มีที่" A nowhere place ของกลุ่มละครอนัตตา ผลงานการกำกับของ ประดิษฐ ประสาททอง นำแสดงโดย ประดิษฐ ประสาททอง และดวงใจ หิรัญศรีพวกเรานั่งชมการแสดงในวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519


เรานั่งอยู่ในเหตุการณ์ที่เรารับรู้แต่ช่างลางเลือน แม้กระทั่งเหยื่อของความเลวร้ายบางคนก็ถูกฉีกทิ้งออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์...อะไรไม่ดีก็ไม่ต้องจำ เพราะเมืองไทยของเรานี้ดี๊ดีหนักหนา..ประดิษฐใช้ความสามารถของศิลปินทะลวงใจคนดูผ่านบทการแสดงแบบขำขื่น หัวเราะร่าน้ำตาริน จังหวะช้าบ้าง เร็วบ้าง กระตุกบ้าง ปลอบบ้าง ตบหน้าบ้าง...กระทืบบ้าง

ตัวเรานิ่ง ใจต่างหากที่เขย่าไม่หยุด

...ในช่วงโพสต์ทอล์ค ประดิษฐบอกว่าในหลายๆ ประเทศก็มีความรุนแรงทางการเมืองมีการฆ่ากัน แต่ในที่สุดก็มีการขอโทษ การยอมสารภาพ ยอมแพ้เป็น และสร้างอนุสรณ์แสดงความเสียใจให้ผู้วายชนม์อย่างเท่าเทียม...เขาปลดล็อคใจ แล้วเริ่มใหม่ประเทศก็พัฒนาอย่างร่วมใจมิใช่บังคับใจ...กลับมามองรอบตัว ความขัดแย้งยังวนไปเรื่อยๆ จากบทเรียนเดิมๆ แต่เราไม่เคยเรียนรู้.....กูไม่ผิด...ค่ะ

ละครของประดิษฐไม่ใช่แค่เล่าประวัติศาสตร์ แบบตรงไปตรงมา เพราะเขาเป็นนักประวัติศาสตร์ที่เป็นศิลปิน หรืออาจจะเป็นศิลปินที่เป็นนักประวัติศาสตร์ เรื่องจริงของเขาจึงไม่ใช่แค่การเล่าซ้ำ แต่เป็นการนำชุดความจริงมา shape ให้สะเทือนฐานใจนอกเหนือจากฐานหัวและความคิด


เวลามนุษย์มีสิ่งมากระทบใจ...มนุษย์จะเรียนรู้ด้วยใจ และไม่ลืม

"ที่ไม่มีที่" สะท้อนให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเราทุกคนต่างมี "ที่"
แต่ทว่าเรายอมให้คนอื่นมายึด "ที่" และอุปโลกน์ "ที่" กันมานานแค่ไหน
...แล้วเราจะทำอย่างไร...
ละครของประดิษฐ ไม่สอน ไม่สั่ง ไม่ให้เชื่อและไม่ให้เชื่อง
เพราะละครไม่ต้องให้คำตอบ แค่การที่ละครถามเรา กระตุ้นให้เราคิด ก็มีคุณค่าในการที่จะให้เราช่วยกันเปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้ไม่เป็นการเล่าซ้ำเล่าช้ำต่อไป

 

Thitiporn Kaewklum
ที่...ไม่มีที่ ( A Nowhere Place )ละครเวที เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
(รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ ในหลายปีต่อมา)::
"ลืมไม่ได้" แต่ "จำไม่ลง"หรือ . . .
"จำไม่ได้" แต่ "ลืมไม่ลง"
::บางคนไม่รู้...บางคนไม่อยากรู้...
บางคนลืม...บางคนแกล้งลืม...
บางคน...ไม่เคยลืม !!!!


Pokpong Chanan
7 ตุลาคม2559
เป็นเรื่องที่แทบคลานออกมาจากโรง กระแทกแรงมาก น้ำตาตกใน เป็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกเหมือนคอนแทคเลนส์หายไปข้าง มันมัวและชัด แต่ชัดเจนนั้นก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เหมือนเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก พอกลับมาบ้านนั่งประมวลผล หลงรักเรื่องนี้อีกเรื่องเลย...
เป็นอีกเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ เหมือนเห็นคนถูกเก้าอี้ฟาด หรือตอกด้วยเศษเก้าอี้ไม้ เห็นคนที่ลืมและคนที่ถูกลืมใน6ตุลา2519 #ที่ไม่มีที่

Nasrey Jc Labaideeman
ที่ไม่มีที่ - A Nowhere Placeดูแล้วแบบ หูยยยยยยย
งานแบบนี้ ดูแล้วคิดว่า อายุเราเท่านี้ ทำไม่ได้แน่ๆ...
วิธีการแบบนี้ ช๊อยส์แบบนี้ จิตใจแบบนี้
ต้องเก่ง ต้องเก๋า ใจต้องนิ่งแค่ไหน
ถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้ อึ้งมากจริงๆ...ยอมใจ ไปดูกันเถอะ จริงๆ

Teeraphan Ngowjeenanan
8ตค 2559
ที่ ไม่มีที่ (ประดิษฐ ประสาททอง,2016)จริงๆแล้วไม่ค่อยอินกับวิธีการที่ลำดับเรื่องและให้เรื่องดำเนินไปเท่าไหร่ แต่พบว่าสวนที่เว้าแหว่งแล้วหยิบมาวางแต่ละส่วนนั้นมันทรงพลังมากๆ แล้วมันสะเทือนใจจริงๆคือเรื่องเหมือนดำเนินอยู่ในที่ที่มันไม่มีที่ ไม่มีเวลา มันถูกคลุมไปด้วยความคลุมเครือไม่ชัดเจน และความหลงลืม ความเจ็บปวด ที่เราไม่มั่นใจว่ามันมาจากอะไร หรือเหตุผลและความเป็นไปที่เราตั้งข้อสงสัยกับมันจริงๆตัวการแสดงเหมือนจำลองภาวะของการตระหนักรู้กับความเจ็บปวดและโหดร้ายที่เคยผ่านมา ตลอดการแสดงเราจะถูกเล่าให้เห็นว่าตัวละครนั้นลืม และมีความทรงจำที่ปนเปไปหมด ระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ หรือการที่เป็นคนมีความทรงจำกับเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นความผิดปกติ บิดเบี้ยวจนต้องได้รับการเยียวยา และที่น่าสนใจคือโปรเซสการอธิบายเรื่องของการทำให้ลืมเพื่อกลับมามีความสุขจริงๆในอีกภาพนึงมันอาจจะเป็นภาวะที่สังคมกำลังทำตัวให้ลืมเรื่องดังกล่าวไป การบอกว่าการคิดหรือเข้าใจในบางอย่างมันเป็นเรื่องผิดปกตินะ แล้วการที่ตัวละครต้องไม่เปิดรับความทรงจำของตัวเองมันบั่นทอนความมั่นคงของจิตใจตัวละครไปเรื่อยๆ หลายๆคำถามที่ถูกพูดคุยกัน มันก็น่าสงสัยแบบนั้นแหละ ว่าทำไม กับเรื่องบางเรื่อง ทำไมต้องทำแบบนั้นกันด้วย

Sinsawat Yodbangtoey
นกพับจากกระดาษหนังสือพิมพ์
เรื่องที่ลบไม่ออก ลืมไม่ลง ของการทับซ้อนเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง "จะ ๓๕ หรือ ๕๓ ก็เพียงการกลับตัวเลขเท่านั้น..."
ไม่ว่า'จิ๋ม'จะนมโตหรือไม่ก็ตาม
'จิ๋ม'ได้ถูกรุมทำทารุณกรรมจนสูญสิ้นชีวิตอย่างทุกข์ทรมาณกลางสนามหญ้าในเหตุการณ์ทางการเมืองไปแล้ว อย่างไม่มีวันฟื้นคืนกลับมามีชีวิตเป็นปกติได้
ภาพจำของผู้ที่ดูคล้ายสติเลอะเลือน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
บอกเล่าถึงความรุนแรง โดยให้ผู้ชมปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างรื่นไหล ฉุดลากอารมณ์ให้ตระหนักถึงความโหดร้ายเกินจินตนาการ
หากจับต้องได้ด้วยความรู้สึก
เสียงเปียโนบรรเลงเพลง นกสีเหลือง เพื่อมวลชน
คั้นความรู้สึกผู้ชมได้ตามจังหวะห้วงอารมณ์เป็นอย่างดี
หากพับนกกระดาษได้พันตัว สิ่งที่ปรารถนาจะสำเร็จเป็นจริง
ไม่ใช่พับจากกระดาษเปล่า แต่ต้องเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์
ที่มีเรื่องราว...


๔๐ ปี เหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
ประดิษฐ์ ประสาททอง นำความคิดที่อยากเล่ามาบอกกล่าวผ่านการแสดงละครเวที ให้ผู้ชมสัมผัสใกล้ๆ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าได้อย่างจับใจและสะเทือนอารมณ์...
ที่ ไม่มีที่ แต่มีตัวตน ล่องลอยอยู่ตามขอบตะเข็บประวัติศาสตร์
ไม่มีใครหน้าไหนสามารถลบทิ้งได้ ไม่ว่าจะกดบังคับด้วยกลวิธีใดก็ตาม...

Naratip Boobpathong
ละครดีจนสมองตุบๆๆๆ เครียดและอึดอัดจากบทที่สร้างมาบนพื้นฐานประวัติศาสตร์ที่ป่าเถื่อนโหดร้าย ประกอบกับการคิดวนเวียนเรื่องบ้านเมืองในอดีตจนมาถึงปัจจุบัน ชอบที่หมอผู้หญิงถามว่า ปีนี้ปีอะไร? ปี53 ไม่สิ35 ปี53 ปี35และปี19มีจุดร่วมกันคือการพยายามลืมการฆ่าคนกลางเมือง...

Kwin Bhichitkul
เชื่อเสมอว่าเมื่อเราทำผิด กระบวนการสำนึก การเศร้าเสียใจและอยากกลับไปแก้ไขเป็นสิ่งที่สำคัญ ช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่เราจะได้เรียนรู้ และสมองจะได้จำเข้าไปข้างในว่า "เราจะไม่ทำมันอีก"


ผมไม่เคยและไม่สนับสนุนการทำผิดแล้ว "ลืมๆ มันไป" ใช้เวลาได้ เศร้าไปเลย มันคือสิ่งที่สมควรทำ คนที่ทำผิดแล้วลืมๆ มันไป โคตรไม่จริง และจะไม่มีการพัฒนาใดๆ เกิดขึ้น จะเป็นคนแย่ๆ เช่นเดิม ทำสิ่งเดิม เพราะไม่มีกระบวนการที่จะจำเข้าไปในสมอง
แล้วพอไม่ทำแล้ว ยิ่งทำให้คนที่ถูกกระทำ "ลืมๆ มันไป" หรือ "ยกโทษให้เร็วๆ สิ อยากกลับเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว ไม่อยากนอยๆ ไม่อยากหม่น"
เห้ย...


ทำไปได้ยังไง? โคตรไม่ใช่คนจริง เห็นไหมความผิดของตัวเอง เห็นไหมสิ่งที่เกิดขึ้น?เหตุการณ์นี้จะมีอยู่แค่ไม่กี่บรรทัดในหนังสือเรียนจริงอ่ะ จะไม่ให้คนรู้จริงอ่ะ
อยากให้คนรู้ บอกไปเป็นรายคนก็ได้แค่ไม่กี่คน
ดูแล้วเซ็งกับที่นี่มากเหมือนกับที่พี่ตั้วบอกในบท ดูแล้วผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน มันเรียกว่าอะไร
จะเป็นประเทศก็ไม่ใช่..
 
Kaweewut Sukprasert
"คุณจำอะไรได้บ้างไหม?"..ภาพของชายหญิงที่มีอาการทางจิต แลดูมีความเลอะเลือน แต่ละครได้ปะติดปะต่อเรื่องราวของแต่ละคนซึ่งให้ผู้ชมรับรู้เรื่องราวที่สร้างความสะเทือนใจไม่ใช่น้อย...หลายครั้งที่เราพยายามจะลบเลือนสิ่งต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่มีทางหลีกหนีมันได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดหรือจะอยู่สภาวะใดก็ตาม...#ที่ไม่มีที่

Yokee Apirak
ละครเล่น 2 คนว่าด้วยความทรงจำ บาดแผล การพยายามเยียวยา การมองมันแบบตัดอารมณ์ มองมันในแบบที่มันเป็น มองมันในฐานะนกกระดาษพับ พี่ตั้ว กำกับ เขียนบท และแสดงนำร่วมกับเพียว เดี๋ยวเขียนยาวๆ อีกที พรุ่งนี้รอบสุดท้ายละนะ

Netiwit Chotiphatphaisal
9 ตค 2559
มาดูละครเวที 'ที่ไม่มีที่' ( A Nowhere Place) กับเพื่อนๆ
ขาดเพื่อนจากฮ่องกง
 
Khru Pat

"A Nowhere Place" - a performance reflecting the abyss of psychological effects on the bloody October's survivors. "ที่ ไม่มีที่" ละครที่พาผู้ชมลัดเลาะลงไปยังหุบเหวแห่งความเจ็บปวดทรมานของผู้ที่ถูกกระทำจากความรุนแรงทางการเมืองและความขมขื่นของผู้ที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ชวนให้คิดว่า ในนามของการรักษาไว้ซึ่งแนวความคิดหรืออุดมการณ์บางอย่าง มนุษย์บางกลุ่มบางคนก็พร้อมจะใช้ความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมกระทำต่ออีกฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า"ศัตรู" ได้เสมอ
ละครเรืองนี้มีวิธีการนำเสนอที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง มีการสร้างรายละเอียดในแง่ของชีวิตของตัวละครมาเป็นอย่างดี #ที่ไม่มีที่ #ภูมิใจในศิษย์เก่ามธ. ทั้ง ประดิษฐ ประสาททอง ดวงใจ หิรัญศรี ภาสกร อินทุมาร และปาลิตา สกุลวานิช

Rong Kung
ดูละครเวทีเรื่องหนึ่ง
แล้วหวนย้อนกลับไปนึกถึงสมัยเรียน
มหาวิทยาลัย เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ตุลา เราไม่เคยลืม น่าจะชื่อประมาณนี้
น่าแปลก 20 ปีแล้ว เราต่างรอคอยการ
ชำระประวัติศาสตร์เพื่อให้เป็นบทเรียน
ดูละครจบลง
เริ่มเกิดคำถามกับตัวเอง ถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์เราจะเป็นอย่างไร
อยากลืมอยากจำ เราจะต้องอยู่กับความทรงจำที่ไม่เคยถูกคลี่คลาย
เป็นใครก็ยากที่จะลืมนะ
หรือคงต้องให้ความจริงตายจากไปกับชีวิตคนๆ นั้นจากความขลาดกลัว
และไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง
ด้วยการเลี่ยงที่จะไม่พูดถึง...
...แล้วอะไรล่ะคือความจริง...
ที่ ไม่มีที่ a nowhere place
ถ้าเราต้องลืมบางสิ่ง เพื่อมีชีวิตในที่ไม่มีที่ (เครดิต กลุ่มละครอนตตา)
 
Kitties Nong
การเล่าเรื่องของนักแสดงดีมาก คนเขียนบทยอดเยี่ยม คนกำกับแสงดีงาม
คนแปลภาษาไทยเป็นอังกฤษงดงาม ดนตรีไพเราะ
ผู้ดูสะเทือนใจมาก น้ำตาริน
ขอบคุณ Beatrix Ransibrahmanakul Tong Chantarawong
ขอบคุณมากๆที่แนะนำให้พี่ไปดูละครเรื่องนี้ ดีมากๆ รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
การปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง เป็นอาชญากรรมแบบหนึ่ง

Danaya Buntasnakul
ที่...ไม่มีที่กว่าจะเขียนออกมาได้นี่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกปั่นป่วนมากมายหลายหลากภาพภาพหนึ่งที่ผมเคยเห็นสมัยผมอยู่มหาวิทยาลัย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเห็นจากหนังสือหรืออินเตอร์เน็ต ภาพขาวดำหาดูยาก ถึงขั้นเรียกเป็น"ภาพต้องห้าม"ละครเล่าเรื่องด้วยคนตายที่เล่าถึงความตายและบางเสี้ยวของการตายในเหตุการณ์ที่แผ่ทั่วไปด้วยแรงอาฆาต.....เล่าถึงความทรงจำเลอะเลือน ซึ่งเลอะเลือนทั้งการเล่า เลอะเลือนเหตุการณ์ เลอะเลือนจนกลายเป็นความบิดเบือน บิดเบือนโดยตั้งใจจะเลอะเลือน บิดเบือนเพราะไม่ได้เลอะเลือนแต่ต้องบิดเบือนการฝ่ามรสุมต่างๆของชีวิตอันโหดร้ายจากความอาฆาตจึงแตกต่างหลากหลายบ้างเลือกบิดเบือนชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายความทรงจำเลวร้ายบางอย่างยากจะลืม
เลือนจนแม้จะบิดเบือนแล้วก็ยังตรึงอยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกที่ไม่มีที่ คือก้อนความทรงจำที่ติดค้างอยู่ วนเวียนผลุบโผล่ราวกับเป็นวิญาณไรที่ไป เงียบเหงาค้างเติ่งอยู่ในใจจะลบก็ไม่เลือน จะบิดก็ไม่เบือนภาพเก่าขาวดำต้องห้าม......ยากนักที่จะพบที่ที่เหมาะสมสำหรับวาง และยากนักที่จะวิธีทำลายให้สลายไปใช่ภาพนั้นไม่เคยเลือนไปไหน แม้ผมจะเห็นเพียงแวบผ่าน ไม่ได้มีส่วนร่วมประสบการณ์ด้วยก็ตาม6ตุลา เป็นเหตุการณ์ที่สังคมไทยยากจะก้าวผ่าน เพราะเรายังไม่ยอมเปิดประตูเข้าไปสู่ ที่ไม่มีที่

Jeeranan Laowatchara
..ถ้าเราต้องลืมบางสิ่ง เพื่อมีชีวิตในที่ ไม่มีที่..
A No Where Place
..คุณ จำอะไรได้บ้าง?..เรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อ แน่ใจ ไม่แน่ใจ บทบาทเจ้าสาวขี้เหงา และเจ้าบ่าวขี้ลืม ผ่านสองนักแสดง แต่กลับทำให้เห็นชีวิตหลายร้อยพัน..นกพิราบ นกกระเรียน นกพับจากกระดาษหนังสือพิมพ์ และบทเพลง..
สิ่งที่คุณเห็น ใช่สิ่งที่มันเป็น?..
สิ่งที่คุณไม่เห็น มันไม่เคยเกิดขึ้น?..
เรื่องราวที่เราไม่ถูกอนุญาตให้จำ?.. โดยผ่านการตัดสินจากใครบางกลุ่ม..
เรื่องราวที่เราอยากจะลืม.. แต่ยากจะลืมได้ลง..
และ
เรื่องจริงบางอย่าง.. ที่ถูกปกปิด..A Now Here Place
ที่นี่.. ที่ไหน..
คุณ.. คือใคร?..#ลุกขึ้นยืนน้ำตารื้นปรบมือรัว

Vichapon Diloksambandh
ผมจำได้ว่าผมเห็นรูปนั้นและรูปอื่นๆตอนผมอายุ 14-15 ได้ หลังจากนั้นความคิดในการใช้ชีวิตของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
หลังจากนั้นผมก็ศึกษาเหตุการณ์นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย พูดถึงมันบ้างเมื่อโอกาสอำนวย ผ่านทางละครและงานเขียน ผมเรียกมันว่าเหตุการณ์เพราะมันดูไม่เหมือนประวัติศาสตร์สำหรับผม คำว่าประวัติศาสตร์มันคล้ายกับบางสิ่งที่อยู่ไกลออกไป กลับกันผมคิดว่าสิ่งนี้กำลังใกล้เข้ามาด้วยซ้ำ

เราถูกตัดต่อความทรงจำไปกี่ครั้งแล้ว คนที่จำมันได้อาจถูกคนจำนวนมากที่หลงลืมตราหน้าว่าเป็นคนบ้า เป็นคนหมกมุ่น ย้ำคิดย้ำทำ เป็นคนวิกลจริต บางทีเราทั้งหลายอาจถูก 'หมอ' จับช๊อตไฟฟ้ากันไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ความจริงมันต่างกับความทรงจำ สิ่งที่ติดตัวเราไปจนตายคือความจริง เป็นเรื่องยากที่จะลืมแม้จะตายไปแล้วด้วยซ้ำ ผมเชื่ออยู่ลึกๆว่าแม้แต่ 'ผู้กระทำ' เองก็คงมีฝันร้ายที่ไม่ต่างจากผู้ถูกกระทำ ผมหวังใจเช่นนั้น

ผมอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อคนที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นล้มหายตายจากกันไปจนหมด เรื่องราวเหล่านี้มันจะค่อยๆเลือนหายไปอีกครั้งหรือไม่ สถานที่และความทรงจำต่างๆจะผสมปนเปกันและกลายเป็นความทรงจำใหม่ๆเพื่อปกปิดแผลเก่าๆเหมือนในละครหรือไม่ แล้วมันจะน่าเศร้าขนาดไหน

เมื่อคิดอย่างนั้น สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะทำได้คือไม่ลืมเหตุการณ์นี้ และพยายามบอกต่อความทรงจำเหล่านี้ต่อไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่ผมจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ทำไม#ที่ไม่มีที่

bottom of page